พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี
7124 VIEWS | 5 MINS READ Tuesday 30 / 01 / 2018
พอพูดถึง “ปีใหม่” ทีไร หลายคนก็มักจะนึกถึงวันหยุด โบนัส หรือการไปท่องเที่ยว ช่วงเวลาที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยมาทั้งปี จนหลายครั้งอาจจะหลงลืมการตั้ง “เป้าหมาย” ให้กับตัวเองในปีหน้าไปซะสนิท สำหรับใครที่ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมาย หรือคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรในปี 2018 นี้
วันนี้ Globish มี 10 ไอเดียสร้างเป้าหมายในปีนี้ ให้ทุกคนได้นำไปลองปรับใช้ดู แต่ถ้าถามว่ามันไม่ช้าไปเหรอ นี่ผ่านไป 1 เดือนแล้วนะ ? ช้าครับ...ช้าอยู่ทำไมล่ะครับ Let’s Start Now
1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
บ่อยครั้งที่เราไปไม่ถึงเป้าหมายได้นั้น แม้ต่อให้มีเวลาลงมือทำ และตั้งใจมากก็ตาม หนึ่งในสาเหตุใหญ่นั้นก็คือ แต่เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ชัดเจน และไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ
จากการวิจัยเผยว่า หลังปีใหม่แค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น คนกว่า 80 % ล้มเลิกหรือไม่ก็ลืมเป้าหมายไปเลย Marti Hope Gonzales รศ.ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมินนิโซตา ยังเสริมว่า การหาสมุดสักเล่มมาบันทึกเพื่อวางแผนว่าจะทำอะไร เมื่อไหร่ เป็นส่วนช่วยให้เป้าหมายนั้นสำเร็จได้
2. สร้าง Connection ใหม่
“บางครั้ง การพูดคุยกับคนแปลกหน้าทำให้ฉันรู้สึกสบายใจกว่าคู่ชีวิตซะอีก” ครั้งหนึ่ง Kio Stark นักเขียนสาวเคยเล่าเรื่องราวใน TED Talk ที่ชื่อว่า "Why you should talk to strangers" ว่าทำไมทุกคนควรรู้จักคนแปลกหน้าให้มากขึ้น เพราะการสร้างมนุษยสัมพันธ์คือส่วนหนึ่งที่ช่วยให้มี “ความกล้า” ที่จะลองออกไปพบผู้อื่นเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย
มากไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ Aspen Ideas Festival ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันมีคนเหงาเยอะขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกาย แม้จะมีเพื่อนมากมายก็ตาม เพราะในบางครั้งการมีเรื่องทุกข์ใจแต่กลับไม่สามารถเล่าให้คนสนิทฟังได้ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมทุกคนควรสร้าง Connection ใหม่ ๆ เพราะในบางครั้งคนแปลกหน้าที่เราไม่สนิทก็เปิดรับฟังเรื่องราวของเรามากกว่าคนที่สนิท นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้มุมมอง และประสบการณ์จากคนในสังคมที่ต่างออกไปอีกด้วย
รับชมต่อเพิ่มเติมได้ที่ : https://goo.gl/QEiuVu
3. พัฒนาภาษาที่ 2
ในยุคนี้การพูดได้ 2 ภาษาถือว่าน้อยไปซะแล้ว โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนถึง 3 ภาษาที่โรงเรียน และการเข้ามาของอาเซียนที่มากขึ้น ยิ่งทำให้ต้องพัฒนาภาษาของตัวเองให้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่ใครก็ต่างบอกว่ายาก ไม่มีเวลาฝึกฝน ไม่มีเวลาเรียน แต่รู้ไหมว่ายุคนี้เราสามารถฝึกภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีให้เลือกเยอะมาก จนอาจจะเลือกไม่ถูก แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง Globish ยินดีให้คำปรึกษา ซึ่งวิธีฝึกที่แนะนำคืออย่างน้อย 20 - 40 นาทีต่อวัน และ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
4. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากจะทานอาหาร ให้อิ่มท้อง หรือเพื่อความอร่อยแล้ว เรื่องของคุณประโยชน์ก็สำคัญเช่นกัน
บทความจากนิตยสาร Newsweek ได้เปิดเผยว่า การทานสลัดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสามารถทำให้สมองของมนุษย์อ่อนเยาว์ลงถึง 11 ปี นอกจากสลัดแล้วเราควรทานปลาให้มากขึ้นเช่นกัน เพราะในปลามีโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเด็ก ๆ ถ้าทานทุกสัปดาห์ ไอคิวจะสูงขึ้นถึงสี่จุด และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย โดยปลาที่แนะนำให้ทานคือ ปลาทู
5. หยุดทานหลัง 3 ทุ่มสักที
หลายคนเห็นหัวข้อแล้วต้องเศร้าแน่นอน เพราะฉันนี่แหละชอบกินบุปเฟต์เหลือเกินในยามค่ำคืน แต่รู้หรือไม่ว่า การทานอาหารให้ถูกเวลาก็สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 3 ทุ่ม เป็นเวลาที่เราควรหยุดทาน เพราะการทานอาหารช่วงดึก ๆ คือสาเหตุของการตามมาของหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน กดไหลย้อน เป็นต้น แต่หากใครหิวจนทนไม่ไหวจริง แนะนำให้ดื่มนมอุ่นใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เพราะในน้ำผึ้งช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
6. เข้านอนให้ไวขึ้น
ใครอยากสุขภาพดี และอยากลดน้ำหนักง่าย ๆ โดยไม่ต้องทำอะไรมากเลย แค่ “นอนให้ถูกเวลาเท่านั้น” ทุกคนคงได้ยินมาบ่อย ๆ ว่าควรนอน 6 - 8 ชม. แต่จริง ๆ แล้วช่วงอายุ 18 - 64 ปีนั้นควรนอน 7 - 9 ชม.ต่อวัน และเวลาที่ควรเข้านอนในช่วง 21.00 น. - 05.00 น. เพราะในขณะที่นอนหลับไปแล้วนั้นร่างกายจะทำงานได้อย่างเต็มที่ เช่น การฆ่าเชื้อโรค ขจัดสารพิษ ขับถ่ายดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าใครอยากผิวสวยหน้าใส ให้ตื่นตี 5 มารับอากาศยามเช้าให้เต็มปอดดูซิครับ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ปอดทำงานได้อย่างเต็มที่
7. ออกกำลังกายซะบ้าง
เชื่อว่านี่เป็นเป้าหมายของใครหลายคน และทำได้ยาก ด้วยเหตุผลต่าง ๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญมากกว่าแค่สุขภาพดีอีกนะ เพราะสำหรับใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีสมองที่ดี คิดงานได้คล่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วยให้ชะลอความแก่ แถมยังความจำดีขึ้นอีกด้วย โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ 20 - 45 นาทีต่อวัน และ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์
8. อ่านให้มากขึ้น
“คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด” ประโยคที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงได้ยินอยู่เสมอ ลองใช้เวลาสักนิดต่อวันเพียง 10 - 30 นาทีต่อวัน หันมาอ่านหนังสือให้มากขึ้นกันดีกว่า เพราะการอ่านเป็นสิ่งที่ดีต่อสมอง ช่วยให้มีสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นในการทำงาน โดยการอ่านหนังสือนั้นจะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ เช่น หนังสือเรื่องสั้น หนังสือพิมพ์ หรือ หนังสือนวนิยาย เป็นต้น
นักจิตวิทยาองค์ความรู้ Keith Oatley บอกว่า การอ่านนวนิยายนั้นยังช่วยสร้างทักษะการเข้าสังคมอีกด้วย หรือจะลองฝึกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะการอ่านให้ดีขึ้น ซึ่งหนังสือที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น คือ Wonder by R.J. Palacio ที่เคยถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ และคำศัพท์ไม่ยากจนเกินไป
9. ออกไปข้างนอกให้เยอะขึ้น
การออกไปข้างนอกสูดอากาศที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ ในสวนสาธารณะช่วยทำให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย รวมไปถึงการลดอาการซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะหากใครที่ต้องใช้ความคิดในการทำงานมาก ควรพักจากหน้าจอ และหันหน้าเข้าพื้นที่สีเขียวดูบ้าง แต่ถ้าหากได้มีโอกาสไปท่องเที่ยว จะยิ่งช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นจากการเดินทางไปที่ต่าง ๆ
แต่ถ้าสำหรับใครที่ไม่ชอบไปไหนจริง ๆ ขอแนะนำให้ลองใช้เวลากับศิลปะมากขึ้น เช่นการเล่นดนตรี ดูหนัง หรือวาดรูประบายสี เพราะการใช้เวลากับศิลปะก็ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และยังช่วยลดความตึงเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ได้เช่นกัน
10. เล่น Social Network ให้น้อยลง
สังคมออนไลน์ ที่ปัจจุบันเปรียบเป็นเหมือนหนึ่งในปัจจัยการดำเนินชีวิตไปแล้วก็ว่าได้ โดยเฉพาะธุรกิจทั้งเก่าทั้งใหม่ต่างก็ต้องปรับตัวกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับผู้ใช้ทุกคนที่ควรใช้แต่พอควร ลดลงบ้าง เพราะการเล่น Social Network มาก ๆ นั้นทำให้เสียเวลาในการใช้ชีวิตไปมาก และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคต่าง ๆ เช่น การถูก Cyber Bully ที่มีผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ และสำหรับใครที่นอนไม่ค่อยหลับ นอนดึกดื่น ยิ่งต้องลดการเล่นโซเชียลให้น้อยลง ออกจากโลกออนไลน์ และกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงให้มากขึ้น
เริ่มคิดออกแล้วใช่ไหมครับว่าปีนี้จะทำอะไรดี!? เพราะทุกคนคงได้ไอเดียในการไปปรับใช้กับเป้าหมายของตัวเองในปีนี้กันแล้ว แต่ทำไมนะทุกปีเลยที่ตั้งใจจะทำอะไรแล้วมันไม่เคยสำเร็จเลย ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุที่มาที่ไปกันทั้งนั้น
เรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นเป้าหมายของเรากันนะ
ถึงตรงนี้ Globish หวังว่าทุกคนจะได้ทบทวนตัวเอง ถึงเรื่องเป้าหมายที่ตั้งใจจะทำในปี 2018 นี้ และ?