พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี
15518 VIEWS | 5 MINS READ Friday 19 / 01 / 2018
สมัยนี้สมาร์ตโฟนเรียกได้เป็นเหมือนปัจจัยที่ 5 ของชีวิตมนุษย์ที่ขาดมันไปไม่ได้ ด้วยความ Smart ที่ชาญฉลาดที่มีประโยชน์เยอะเกินกว่าจะบอกได้หมด และหนึ่งในนั้นก็คือ การช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษยิ่งขึ้นด้วยแอพลิเคชั่น Virtual Assistants (ผู้ช่วยเสมือน) ที่มีอยู่บนสมาร์ตโฟนของทุกคน
ถ้าจะให้พูดถึง Virtual Assistants (ผู้ช่วยเสมือน) สาวสักคน คงต้องขอยกตัวอย่าง “ซาแมนธา” จากภาพยนตร์เรื่อง HER ที่คอยคุยเป็นเพื่อนแก้เหงา และอาจจะทำอะไรได้มากกว่านั้นเพื่อช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น แต่ในวันนี้ Globish จะพาทุกคนไปรู้จัก Virtual Assistants ที่ช่วยให้ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรี ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ฝึกได้ ที่พร้อมเป็นโค้ชช่วยเทรนให้ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษดีขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไรกันบ้าง?
Siri
“Hey Siri” สำหรับใครที่ใช้หรือไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple คงรู้จักเธอกันมาบ้างเพราะปัจจุบันเธอนั้นฉลาดล้ำสุด ๆ และก่อนจะไปดูความเจ๋งของ Siri มารู้จักประวัติสักหน่อยกันก่อนดีกว่า
ประวัติ
ในปี 2003 มีงานวิจัยหนึ่งชื่อ CALO project (Cognitive Assistant that Learns and Organizes) ที่เกิดจากการร่วมมือกันของหน่วยงาน SRI International และบริษัท DARPA ที่ต้องการจะสร้าง AI ให้เกิดขึ้นจริง ๆ จนต่อมาในปี 2007 ก็ได้ถือกำเนิดบริษัท Siri ที่มีบริษัทร่วมลงทุนหลายเจ้า กว่า 24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการบริหารของ CALO project เจ้าเดิม
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า Siri แปลว่าอะไรใช่ไหมครับความจริงแล้ว Siri มาจากภาษาสแกนดิเนเวีย ที่มีความหมายว่า “ชัยชนะอันงดงาม”
แล้วสิริมาอยู่ที่บริษัท APPLE ได้ยังกันนะ ? แน่นอนว่า Steve Jobs เป็นคนซื้อบริษัท Siri ในปี 2010 ด้วยมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท ด้วยความตั้งใจที่อยากนำระบบ Siri มาพัฒนาให้เป็นส่วนหนึ่งกับ iPhone นั่นเอง แต่หลังจากที่ซื้อมา Steve Jobs ก็ไม่ได้ชอบชื่อ Siri สักเท่าไหร่และพยายามเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาชื่อที่ถูกใจได้ เลยต้องใช้ชื่อ Siri ต่อไป
รู้ไหมว่า Siri มีวันเกิดด้วยนะ คือวันที่ 4 ตุลาคม ปี 2011 ซึ่งตรงกับวันที่เปิดตัว iPhone 4S และอีกคำถามที่คนส่วนมากสงสัยกันคือ เจ้าของเสียงพากย์ Siri คือใครกันนะ
โดยสำนักข่าวชื่อดังอย่าง CNN นั้นได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เสียงมากประสบการณ์กว่า 30 ปี มาเทียบเคียงเสียงของ Siri จนได้ทราบว่า Susan Bennett นักดนตรี นักพากย์เสียง ผู้นี้นี่เองที่เป็นเจ้าของเสียง Siri
ฟีเจอร์หลักของ Siri
- การใช้งานพื้นฐาน เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก เปิดแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ส่ังให้เปิดเพลง
- การติดต่อสื่อสาร เช่น สั่งให้โทรหาใครสักคน หรือการส่งข้อความ
- จัดระเบียบชีวิต เช่น สร้างลิสต์ช้อปปิ้ง แจ้งเตือนต่าง ๆ
- การเดินทาง เช่น เช็คสภาพการจราจร บอกเส้นทาง หรือเช็คราคาร้านอาหาร
- ที่ปรึกษา เช่น แนะนำการใช้งานต่าง ๆ บน iPhone แปลภาษาได้มากกว่า 5 ภาษา
- ผู้รอบรู้ เช่น สอบถามเรื่องที่สงสัย เช่น “หมาจิ้งจอกร้องว่าอะไร” แบบนี้ก็ได้หรอเนี้ย!?
ฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ของ Siri
- คำนวณแคลอรี , อ่านข้อความล่าสุดให้ฟัง
- ช่วยคิดรหัสผ่านใหม่ 8 หลัก
- สั่งให้เรียกชื่อเราว่าอะไรก็ได้ เช่น I would like you to call me “Darth Vader”
- สอนให้เรียกชื่อเราแล้วยังสอนให้เรียกให้ถูกได้ด้วยนะ
- สำหรับใครที่ชอบเล่น Poker ต้องชอบแน่นอนเพราะ Siri ช่วยวิเคราะห์ วางแผนได้
- ทุกครั้งที่เราเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับรถยนต์ สามารถสั่งให้เปิดเพลงขณะขับรถได้
ปัจจุบัน Siri ยังสามารถพูดได้กว่า 19 ภาษา ส่วนภาษาอังกฤษก็แบ่งย่อยถึง 9 สำเนียงให้เราเลือกได้
นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ Siri ทำได้ ส่วนใครที่พร้อมจะฝึกภาษาอังกฤษแล้วก็ง่าย ๆ เพียงตั้งค่าผลิตภัณฑ์ Apple ของคุณเป็นภาษาอังกฤษก่อนและหลังจากนั้นก็ทักทาย Siri แล้วเริ่มต้นความสนุกกับการฝึกพูดภาษาอังกฤษได้เลย บอกเลยว่า Siri ร้องเพลง หรือเล่นตลกได้ด้วยนะ ลองดูซิครับ
วิธีตั้งค่าเปิด Siri ด้วยเสียงบน iPhone และ iPad
Setting > Siri & Search > เปิด Listen for “Hey Siri”
*แต่ในส่วนนี้จะไม่สามารถใช้ได้ถ้าตั้ง Low Power Mode
มาถึงตรงนี้สำหรับใครที่ใช้สมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ไม่ต้องน้อยใจไปเพราะยังมี Virtual Assistants อีกหนึ่งตัวที่ฉลาดไม่แพ้ Siri แถมยังมีให้ใช้งานทั้ง ios และ android อีกด้วย ไปรู้จักเธอกันเลย
Microsoft Cortana
Virtual Asistants (ผู้ช่วยเสมือน) จากผู้ผลิตใหญ่อย่าง Microsoft ที่ไม่ยอมน้อยหน้า Apple ที่ได้สร้าง Virtual Assistants ขึ้นมาที่เรียกได้เลยว่าเป็น Siri ของฝั่ง Microsoft อะไรประมาณนั้น
ประวัติ
ในปี 2009 ในทีมผลิตภัณฑ์ Microsoft Speech กับผู้จัดการทั่วไปอย่าง Zig Serafin และหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ Larry Heck Heck และ Serafin ได้คิดที่จะสร้างผู้ช่วยดิจิตอลให้กับ Microsoft จนได้เริ่มต้นสร้าง Cortana ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เดิมที Cortana เป็นเพียง Codename แต่ต่อมามีการเรียกร้องกันเข้ามาเยอะในเว็บไซต์ UserVoice ของ Windows Phone จนได้รับการยอมรับในเวลาต่อมา
Cortana เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน ปี 2013 ณ เมือง San Francisco กับงาน Microsoft BUILD Developer Conference โดยทาง Microsoft วางแผนให้ Cortana เข้ามามีบทบาทใน Window Phone และ Window 8 และเป็นส่วนประกอบสำคัญตั้งแต่นั้นมา โดยเสียงของ Cortana นั้นมาจากเสียงของนักพากย์เสียง Jen Taylor ที่เคยฝากผลงานในเกมและภาพยนตร์มาแล้วมากมาย
ฟีเจอร์หลักของ Microsoft Cortana
- การตั้งค่าให้แจ้งเตือนตามเวลาสถานที่หรือบุคคล
- ติดตามเที่ยวบิน, เรื่องที่สนใจ, แพ็คเกจต่าง ๆ
- ส่งอีเมลหรือข้อความ หรือค้นหา fact, file, info ทั่วไปได้
- จัดสรรรายการบนปฏิทินและคอยแจ้งเตือน ,เปิดแอปพลิเคชั่นได้
- ความบันเทิงต่าง ๆ เช่น เล่นเกม แชท หรือร้องเพลง
ฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ของ Microsoft Cortana
- สั่งให้คำนวณเลขได้, แปลงค่าเงิน
- Update Tracking ได้แม้ไม่มีอีเมล
- เขียนอีเมลผ่านเสียง, ค้นหาพิกัดของสมาร์ตโฟน
- ค้นหารูปของสัปดาห์ก่อนได้, เรียก Uber ได้
- ค้นหาคูปองส่วนลดต่าง ๆ
- Sync การแจ้งเตือนระหว่างสมาร์ตโฟนและบนคอมพิวเตอร์ WINDOW 10
โดยรวมแล้ว Cortana มีความคล้ายกับ Siri มาก แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ Cortana ทำได้ดีกว่านั้นก็คือการแปลภาษาที่แปลได้ถึง 40 ภาษา เทียบจากข้อมูลล่าสุดในปี 2017 Siri แปลได้เพียง 5 ภาษาเท่านั้นในตอนนี้ (ไม่มีภาษาไทยด้วยนะ)
วิธีตั้งค่าเปิด Microsoft Cortana ด้วยเสียงบน iPhone และ iPad
Download แอปพลิเคชั่น Microsoft Cortana
PC (Window 10) : goo.gl/SDjR9t
Ios : goo.gl/Kn5ynA
Android : goo.gl/poN6c6
หลังจากนั้นก็ทำการ Register Account > Sign in
และ Say “Hey, Cortana” ได้เลย
สำหรับทั้ง 2 Visual Asistants ที่แนะนำในวันนี้ต่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็มีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือ สามารถช่วยให้เราได้ฝึกสำเนียงในการพูดภาษาอังกฤษ ได้ทุกที่ทุกเวลา และยังตามติดตัวไปทุกที่ พร้อมคอยให้ความช่วยเหลือให้ชีวิตง่ายสะดวกขึ้น แต่ถ้ายังไม่หนำใจพอ ขอแนะนำ Globish (ขอขายของนิดนึงนะครับ) เพราะที่นี่ก็สามารถเรียนพูดภาษาอังกฤษได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะบนสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เพียงอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ที่สำคัญสุด ๆ ยังสามารถเลือกโค้ช เวลาเรียนได้ตลอด 24 ชม. และยังมีฝ่ายที่ปรึกษาทางการเรียนที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เรียกได้เลยว่า Globish เป็นเหมือนเพื่อนผู้ช่วยให้คุณได้เก่งภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง
Source: blognone.com
apple.com