เรื่องเดียวที่ยัง ‘ติด’ ในชีวิตอาจารย์สอนภาษาจีน - เรียนภาษาอังกฤษเพื่อสอนภาษาจีนให้ดีขึ้น

7200 VIEWS | 7 MINS READ Tuesday 23 / 06 / 2020


---------------------------------------

 

คุยกับ คุณแพร ปานวาด เศรษฐบุตร
อาจารย์มหาวิทยาลัย, เจ้าของธุรกิจสอนภาษาจีน

ที่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อทำให้ “การสอนภาษาจีน” ของเธอไปได้ไกลขึ้น

 

 

สำหรับวัยทำงานชาวไทยส่วนมาก ถ้าย้อนเวลาไปสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว ให้เรานึกถึงคำว่า “ภาษาที่สอง” เราก็มักจะนึกถึงการเรียนภาษาอังกฤษก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ แต่ในปัจจุบัน ด้วยบทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองของโลก ต้องยอมรับว่า “ภาษาจีน” นั้นมาแรงและมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน สำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่ การได้แค่ 2 ภาษาอาจจะไม่เพียงพอเสียแล้ว และนี่คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ทำให้ คุณแพร ปานวาด เศรษฐบุตร เจ้าของธุรกิจ และผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาจีน TOMA ใฝ่ฝันที่จะปั้นเด็กนักเรียนไทย ให้เก่งภาษาจีนได้ไม่แพ้ใคร

ตอนนี้คุณแพรทำอะไรอยู่บ้าง?

ปัจจุบันนะคะ แพรเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย เปิดสถาบันสอนภาษาจีนในกรุงเทพ พังงาและภูเก็ต เป็นวิทยากรอบรมภาษาจีน และทำงานร่วมกับภาครัฐโดยการส่งอาจารย์เข้าไปสอนภาษาจีนตามโรงเรียนค่ะ

งั้นเรียกว่าอาจารย์แพรดีไหม?

ได้ค่ะนักเรียน (หัวเราะ)

ก่อนจะมาเป็นอาจารย์แพร

เริ่มจากการสอนพิเศษตั้งแต่สมัยมหาลัยเลย ตอนนั้นเรียนศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน สอนพิเศษบ้าง รับเป็นผู้ช่วยสอนบ้าง จบกระทั่งเรียนจบแพรก็ไปทำงานออฟฟิศเหมือนคนปกติทั่วไปนี่แหละ แต่เรารู้สึกว่าเราเรียนจบด้านนี้มาเลยอยากทำอะไรสักอย่างที่ได้ใช้วิชาที่เราเรียนจบมาบ้าง และในใจลึก ๆ ก็อยากจะสอน อยากมีโรงเรียนมาตั้งนานแล้ว ประกอบกับแพรชอบภาษาจีน อยากสอนให้สนุก ให้เด็กไทยชอบ และพูดภาษาจีนได้


 

ภาษาจีน VS ภาษาอังกฤษ?

จริงๆ เป็นคนที่ชอบเรียนภาษาอังกฤษนะ และตอนสอบเข้ามหาลัยก็คิดว่าวิชาที่ช่วยให้เราเอ็นท์ติดมีแค่ไม่กี่วิชา ซึ่งเราคาดหวังว่าภาษาอังกฤษนี่แหละที่จะเป็นวิชาที่จะช่วยเราได้ ซึ่งก็ได้จริง ๆ ด้วยนะ

เพราะอ่านมาเยอะ เตรียมตัวมาดี?

ไม่..เพราะเราเดาเก่ง (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งเราก็เตรียมตัวมาดีด้วย เราจำคำศัพท์ได้ดี แต่พูดไม่เก่งเพราะเราเรียนกับโรงเรียนรัฐบาลมา ไม่เคยได้ใช้พูดเลย เราเรียนแต่วิชาการ แกรมม่าร์ เน้นทำข้อสอบ เลยทำให้เราสอบเข้ามหาลัยได้ ซึ่งถ้าตอนนั้นเราจะเลือกเรียนเอกภาษาอังกฤษก็เลือกได้นะ ด้วยคะแนนเอนทรานซ์ซึ่งฟลุ๊คได้มา...

แล้วทำไมเปลี่ยนใจ?

ความจริงแล้วคือเราไม่ได้ “ได้ภาษาอังกฤษ” อย่างแท้จริง มันเป็นแค่การเรียนเพื่อสอบในตอนนั้น เราใช้มันจริง ๆ ไม่เป็น ใช้ในชีวิตไม่ได้ เราก็เลยไม่ตัดสินใจเลือกเรียนภาษาอังกฤษ เพราะดูจากสถานการณ์แล้วคนอื่นที่เข้ามาเก่งมาก เป็นเด็กที่เรียนนานาชาติมา หรือเรียนที่ต่างประเทศ เราก็เลยไปเลือกภาษาอื่นที่ไม่ต้องไปแข่งกับเด็กอินเตอร์ แล้วเรียนวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาโทแทน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย

แล้วทำไมถึงกลับมาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้ง?

จริงๆ แล้วในตัวงานทั้งของโรงเรียน หรือที่เป็นอาจารย์พิเศษตามมหาวิทยาลัย โดยส่วนใหญ่แล้วแพรจะสอนเป็นวิชาภาษาจีน ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ้างแต่น้อย แต่ก็มีบางงานที่เราต้อง “ติดต่อสื่อสาร” เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งทุกครั้งที่ต้องติดต่องานเป็นภาษาอังกฤษที่ต้องมีความเป็นทางการมาก ๆ แพรจะมีผู้ช่วยไปด้วย คล้ายล่ามค่ะ เค้ามีหน้าที่สื่อสารแทนแพร และทุกครั้งที่ทำแบบนี้แพรก็รู้สึกอึดอัด เพราะบางครั้งเราอยากจะอธิบายด้วยตัวเองทันทีแต่เราก็ไม่สามารถทำได้

 

 

อะไรที่ทำให้ไม่มั่นใจ?

เราคิด... คิดว่าจะเรียบเรียงประโยคถูกหรือเปล่า? ถ้าพูดผิดความน่าเชื่อถือของเราในฐานะอาจารย์เลยนะ ตอนนั้นปัญหาหลักๆ ที่เกิดขึ้นเลยคือเราต้องทำงานกับโรงเรียนอินเตอร์ และต้องเข้าไปประชุมกับบอร์ดบริหารของโรงเรียน แพรรู้สึกไม่มั่นใจเลยพาผู้ช่วยที่พูดภาษาอังกฤษดี ๆ ไปด้วยกัน ให้ไปทำหน้าที่พรีเซนต์งานแทนเรา ซึ่งมันเป็นงานเรา เรารู้สึกว่าถ้าได้พรีเซนต์เองก็น่าจะอธิบายได้เข้าใจ และเคลียร์กว่า แต่เราทำไม่ได้ หรือบางเวลาที่เราอยากแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามกลับไปทันที เราก็มารู้สึกอีกว่าเราพูดไปดีไหม? แล้วเราจะพูดถูกไหม? ก็เลยไม่พูดดีกว่า

ขายภาษาจีนแต่ต้องคุยงานกันเป็นภาษาอังกฤษ?

ใช่ ทีมงานพูดภาษาอังกฤษ ทางโรงเรียนพูดภาษาอังกฤษ ถึงเราจะเก่งภาษาจีนแต่เราพูดให้ทางโรงเรียนเค้าเชื่อเรา เลือกเราไม่ได้ เพราะเราเล่าเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยเริ่มหาที่เรียนภาษาอังกฤษที่เน้นทักษะการฟัง-การพูด

จาก 2 ภาษา กลายเป็น 3 ภาษา

แพรคิดว่าภาษาสำคัญมากค่ะ เพราะมันสามารถทำให้เราติดต่อสื่อสารได้กับคนทั่วโลก สามารถเปิดรับโอกาสได้มากกว่า แต่มันไม่ง่ายเลยค่ะ คือต่อให้แพรเก่งภาษาจีน (ภาษาที่สอง) แต่ตอนแรกที่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้งก็มีความกลัวมาก แต่พอเราเปิดใจ กล้าผิด กล้าพูดออกไป กล้าให้ตัวเราได้ลองพัฒนา อ่าว! มันดีขึ้น มันโล่ง ความเครียดที่เราเคยมีกับภาษาอังกฤษ ที่เรากลัวเวลาเราต้องเจอในการทำงานมันหายไป เราเลิกกลัวอนาคตเพราะเรารู้สึกพร้อมมากขึ้น จากตอนแรกที่รู้สึกเหมือนเรามีแต่ภาษาจีน ส่วนภาษาอังกฤษมันเหมือนเป็นหลุมที่ทำให้เราตกลงไป แต่ตอนนี้ทั้งสองภาษากลายมาเป็นทางเดินให้แพรทั้งสองทาง สำหรับทุกโอกาสที่จะเข้ามาหา

หลุมมันหายไปตอนไหน?

ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ จากที่เรียนมาปีกว่าแล้ว คือจริง ๆ แล้วตั้งแต่ 3 เดือนแรกก็รู้สึกมีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษเยอะขึ้นมาก ๆ แล้วล่ะ แต่ก็ยังมีความกลัวอยู่เวลาต้องใช้งานจริง ๆ จนเรียนมาครบปี ความกลัวตรงนั้นของแพรหายไปเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดขึ้นตอนไหน เพราะอะไร

แล้วคะแนนเป็นยังไงบ้าง?

เลื่อนขึ้น 2 ระดับค่ะ (ยิ้ม) แพรเรียนจบ G4-G5 แล้ว ตอนนี้สามารถสื่อสารได้แบบไม่กังวลเลย แพรเรียนสัปดาห์ละ 5 วันเลยค่ะ สนุกดี ส่วนใหญ่จะจองเรียนคลาสกลุ่มที่มีเรียนกับเพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าตอนแรก ๆ ที่เริ่มเรียนไม่กล้าใช้งานส่วนนี้เพราะเราไม่รู้เข้าไปจะเจออะไรบ้าง แต่พอเข้าไปเรียนก็รู้สึกชอบ ได้พัฒนาทักษะการพูดการฟังกับชาวต่างชาติเพิ่มเพราะเพื่อนในห้องก็เป็นคนหลายเชื้อชาติ  และเวลาที่เหลือก็จะเรียนคลาสแบบตัวต่อตัว เรียนเช้าบ้าง กลางคืนบ้างค่ะ

ทุกวันนี้ยังต้องพกล่ามอย

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี


   หรือ    โทรเลย 02-026-6683