พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี
10523 VIEWS | 3 MINS READ Monday 09 / 10 / 2017
หากถามว่าทำไมช่วงนี้เราถึงเห็นคนไทยฮิตไปเรียนต่อต่างประเทศ ระดับปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษกันนัก? คำตอบที่ง่ายที่สุดน่าจะเป็นเพราะการเรียนปริญญาโทที่อังกฤษใช้เวลาแค่ 1 ปีค่ะ ซึ่งถ้าเทียบ กับอเมริกาหรือประเทศอื่นที่ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปีแล้ว ก็ถือว่าประหยัดทั้งเงินทั้งเวลาไปได้มากกว่า นอกจากนั้นการสมัครเรียนยังไม่ยาก ไม่ว่าจะสมัครด้วยตัวเองหรือผ่านตัวแทนที่มีอยู่หลายสาขาในประเทศไทยก็ได้ทั้งนั้น
การสมัครเรียนปริญญาโทส่วนใหญ่ใช้แค่การยื่นเอกสารของปริญญาตรี (เช่น Transcript และ Certificate) จดหมายรับรองจากอาจารย์หรือหัวหน้างาน เรียงความแสดงความประสงค์ที่จะเรียนต่อ (SOP : Statement of Purpose) และคะแนนสอบ IELTS เท่านั้น แต่ก็อาจจะมีบางคณะหรือสาขา ที่มีกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมค่ะ
ถ้าสงสัยว่าใช้เอกสารแค่นี้จริง ๆ เหรอ ทำไมมันดูง่ายจัง... ใช่ค่ะ การสมัครเข้ามันดูง่ายมาก แต่ลองคิดภาพคนจำนวนหลายพันคนส่งเอกสารเหล่านี้มาเพื่อแย่งชิงที่นั่งที่มีอยู่อย่างจำกัดดูนะคะ เพราะงั้นสิ่งที่เป็นตัวตัดสินก็คือโปรไฟล์ของผู้สมัครแต่ละคนนั่นเอง ยิ่งมหาวิทยาลัยดังมาก อัตราการแข่งขันก็จะสูง คนเก่งๆ แห่ไปสมัครกันเยอะ โอกาสที่จะได้ตอบรับเข้าเรียนก็จะยากตามไปด้วยค่ะ
คำตอบที่ง่ายที่สุดคงจะเป็นการเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองค่ะ เหมาะในที่นี้มีหลายปัจจัย ขอสรุปง่ายๆ แยกเป็นข้อ ๆ นะคะ
1. เหมาะที่จะไปเรียนต่อ
ตรงนี้หมายถึงคุณภาพของมหาวิทยาลัย และหลักสูตรที่เปิดสอนค่ะ จะไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งทีก็ต้องหาให้ได้ดีกว่าอยู่เมืองไทย และควรจะเรียนตรงกับที่ต้องการ เพราะงั้นสิ่งง่ายๆ ที่ทำให้คือเช็คข้อมูลของมหาวิทยาลัยก่อน เช่น Ranking หลักสูตรที่เปิดสอน รายชื่อวิชาในหลักสูตร เพราะแต่ละมหาวิทยาลัย แม้ชื่อหลักสูตรจะเหมือนกัน แต่เนื้อหาและวิชา ที่เรียนก็ต่างกันได้ นี่นับเป็นปัจจัยอย่างแรก ๆ ที่ควรคำนึงถึงเพื่อให้เราได้อยู่ในมหาวิทยาลัย ที่ทั้งมีคุณภาพและได้เรียนตรงกับความต้องการจริง ๆ ค่ะ
2. เหมาะกับโปรไฟล์ตัวเอง
แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีเกณฑ์รับสมัครระบุเอาไว้ โดยเฉพาะเกรดขั้นต่ำและคะแนนสอบ IELTS มหาลัยที่เลือกที่จะยื่นใบสมัครก็ควรจะเป็นที่ที่เลือกไปแล้วมีสิทธิ์ได้นะคะ เพราะบางที่จะมีการคิดค่าธรรมเนียมการสมัครด้วย ฉะนั้นเลือกให้ดีก่อนจะได้ไม่เสียเงินเปล่า
3. เหมาะกับเงินในกระเป๋า
ค่าเทอมหลักสูตรปริญญาโทของอังกฤษมีหลากหลายราคาตามคณะและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยค่ะ มีตั้งแต่หลักแสนไปจนหลักล้านบาท เมืองแต่ละเมืองก็มีค่าครองชีพที่ต่างกัน ยิ่งเมืองใหญ่ ๆ อย่างลอนดอนแล้ว ค่าครองชีพก็จะยิ่งแพง เลือกให้เหมาะสมกับกำลังกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง (หรือจะรวมถึงของกระเป๋าของสปอนเซอร์ เช่น คุณพ่อคุณแม่) เอาที่คิดว่าจ่ายไหวแน่ๆ ความเสี่ยงด้านการเงินน้อย จะดีที่สุดค่ะ
4. เหมาะกับไลฟ์สไตล์
อันนี้อาจจะงง ว่าเกี่ยวด้วยเหรอ? แต่รับรองว่าเกี่ยวแน่ๆ ค่ะ หากใครเป็นคนชอบช้อปปิ้ง ชอบแสงสี ความศิวิไลซ์ แต่ต้องไปอยู่ในมหาวิทยาลัยกลางป่ากลางเขา ก็คงจะเฉาตายแน่ๆ เพราะอย่าลืมว่าเราต้องไปอยู่ที่นั่นเป็นปีเชียวนะ ฉะนั้นก็ต้องเลือกสภาพแวดล้อมที่อยู่แล้วตัวเองมีความสุขนะคะ
จะเป็นเรียนต่อต่างประเทศ เช่นที่อังกฤษ ภาษาอังกฤษย่อมต้องสำคัญแค่นอนค่ะ อย่างน้อยๆ ด่านแรกที่ต้องเจอคือการสอบ IELTS มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะตัดเกณฑ์ IELTS ไว้ที่ 6.0 - 7.0 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะเข้าไปเรียนได้รู้เรื่อง เพราะงั้นสิ่งที่ทุกคนต้องเตรียมตัวกันก่อนไปก็คือการ สอบให้ผ่านเกณฑ์ที่ว่านี่ล่ะค่ะ นอกจากนั้นแล้วก็ยังควรฝึกภาษาให้สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งอาจจะฟังดูน่ากลัวแต่ไม่ยากเลยค่ะ หลาย ๆ คนมาอยู่กันเดือนนึงก็ปรับตัวได้แล้ว แต่หากใครมีเตรียมตัวหรือมีพื้นฐานภาษามาดีอยู่แล้วก็จะอยู่ได้ง่ายขึ้นค่ะ
อันนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้เบื้องต้นสำหรับการไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ ถ้าใครสนใจหรือ อยากจะรู้เพิ่มเติม ไว้รอติดตามรายละเอียดในแต่ละด้านจากบทความถัดไปนะคะ
ติวเข้มก่อนสอบ IELTS: Part Speaking และ เตรียมการสนทนาภาษาอังกฤษให้พร้อมก่อนไปต่างประเทศ กับ Globish Academia สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ กับโค้ชชาวต่างชาติที่จะช่วยปรับพื้นฐานของคุณให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผ่านสถานการณ์การพูดคุยโต้ตอบในรูปแบบต่างๆทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและวัดระดับภาษาฟรี ติดต่อ 063-189-9451 หรือ 063-189-9452