ทำความเข้าใจ Adverb ควรใช้อย่างไร? วางตรงไหนของประโยค?

455680 VIEWS | 4 MINS READ Monday 01 / 11 / 2021


ทำความเข้าใจ

Adverb ควรใช้อย่างไร? 

วางตรงไหนของประโยค?

 

ในแกรมม่าภาษาอังกฤษ เรื่องที่หลาย ๆ คนชอบสับสนและใช้ผิดอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ Adverb ค่ะ ซึ่งปัญหาใหญ่ ๆ เลย คือ ไม่รู้จะวางไว้ตำแหน่งไหนของประโยค หรือแยกไม่ออกว่าคำศัพท์ตัวไหนเป็น Adverb วันนี้ Globish จะพาไปหาคำตอบเองค่ะ ว่า Adverb คืออะไร? มีกี่ประเภท? ต่างจาก Adjective อย่างไร? วางไว้ตรงไหนของประโยคดี? 

 

Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยาย Verb, Adjective, Adverb และประโยค เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร จุดเด่นของ Adverb ที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็น Adverb นั่นก็คือ การลงท้ายด้วย -ly ค่ะ ซึ่งคำศัพท์ประเภท Adverb เกิดจาก Adjective + -ly นั่นเอง เช่น quick + ly = quickly

 

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

 

5 ข้อต้อง "ข้าม" เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษผิดไม่รู้ตัว 12 ข้อผิดพลาดที่คนมักใช้ผิด

ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM



Adverb ใช้ยังไง? ขยายอะไรได้บ้าง? 

 

 

1. ใช้ขยายคำกริยา เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร เช่น บอกความบ่อย ความเร็ว 

เช่น 

He run quickly

เขาวิ่งอย่างรวดเร็ว

 

The gardener slowly began to water the garden.

คนสวนค่อย ๆ เริ่มรดน้ำต้นไม้

 

2. Adverb ใช้ขยาย Adjective ในขณะที่ Adjective ใช้ขยายคำนาม

เช่น

She is truly beautiful. 

เธอสวยจริง ๆ

 

The surprisingly young violinist plays well.

นักไวโอลินที่เด็กจนน่าตกใจเล่นได้ดีมาก

 

3. ใช้ขยาย Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์

เช่น

I love cooking very much. (very เป็น Adv. ขยาย much ที่เป็น Adv.)

ฉันรักการทำอาหารมาก ๆ 

 

The young musician plays rather well

นักดนตรีหนุ่มเล่นค่อนข้างดี

 

4. ใช้ขยายประโยค 

เช่น

Apparently they are getting married soon. 

เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้

 

Thankfully, he wasn’t injured in the accident.

โชคดีมากที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ



ระวัง! 28 คำศัพท์ที่มีรูป Adjective และ Adverb เหมือนกัน 

 



5 ตำแหน่งหลักของ Adverb 

 

1. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถใส่ Adverb ไว้ข้างหน้าประโยค (เพื่อเน้น Adverb) หรือข้างหลังประโยคก็ได้

เช่น

Finally, he decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

 

I’m sure that we’ll succeed eventually.

ฉันแน่ใจว่าเราจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

 

2. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถวาง Adverb ไว้หน้าหรือหลังคำกริยาที่ Adverb ตัวนั้นขยาย 

เช่น

He lifted the baby gently out of its cot.

เขาอุ้มทารกขึ้นมาจากเปลอย่านุ่มนวล

 

He finally decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

 

3. Hard, Fast, Well และ Badly วางหลังคำกริยาเท่านั้น 

เช่น

I thought he was treated very badly.

ฉันรู้สึกว่าเขาได้รับการปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรม

 

I think I know you well, but it’s not.

ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดี แต่ไม่เลย

 

4. วาง Adverb หลัง Verb to be และ Verb to have 

เช่น

The house was totally destroyed by the volcano. 

 

I have already shipped the parcel.

ผมได้ส่งพัสดุไปแล้ว

 

She was extremely sad because of her grandfather’s death.

เธอเศร้ามากเพราะการจากไปของคุณปู่ของเธอ

 

He is very highly thought of within the company.

เขาถูกชมเชยเป็นอย่างมากภายในบริษัท

 

This argument has been repeatedly rejected by the manager.

ข้อโต้แย้งครั้งนี้ถูกปฏิเสธอีกครั้งโดยผู้จัดการ

 

5. ถ้าในประโยคมี Verb ช่วยหลายตัว ให้วาง Adverb หลังกริยาช่วยตัวแรก

เช่น

He would desperately have wanted to win the competition.

เขาคงอยากจะชนะการแข่งขันนั้นมากแน่ ๆ 

 

I will probably go to London next year.

ฉันอาจจะไปลอนดอนปีหน้า



Adverb แบ่งออกเป็น 8 ประเภท

 

 

1) Adverb of time (คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น

When  เมื่อ

Before  ก่อน

After  หลัง

Afterward  ในภายหลัง

Formerly  แต่ก่อน

Soon  เร็ว ๆ นี้

Today  วันนี้

Lately  เมื่อเร็ว ๆ นี้

Late  สาย

Since  ตั้งแต่

Ago  ผ่านมาแล้ว

Already  แล้ว, เรียบร้อย

Immediately  ทันที

Yet  ยัง

Once  ครึ่งหนึ่ง

Still  ยังคง

Shortly

Tonight

Yesterday

 

Tips: already, just, still, eventually, finally, last, soon วางไว้หน้ากริยาแท้

 

ตัวอย่างประโยค

I have already eaten breakfast.

ฉันกินข้าวเช้าแล้ว (eaten เป็นกริยาแท้ have เป็นกริยาช่วย)

 

My birthday party will be held at 6 o'clock in the evening on Saturday.

งานปาร์ตี้วันเกิดของฉันจะจัดวันเสาร์ตอน 6 โมงเย็น

 

2) Adverb of Duration (กริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงช่วงเวลาว่าเหตุการณ์เกิดนานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้แก่

For  เป็นเวลา (ตามด้วย + ระยะเวลา เช่น for 2 months)

Since  ตั้งแต่ (ตามด้วย + จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 1998)

From...to  ตั้งแต่...ถึง

From...till  ตั้งแต่...ถึง

From...until  ตั้งแต่...ถึง

Till  ถึง

Untill  ถึง

 

Tips: Since และ For มักใช้ใน Present Perfect Tense อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Perfect Tense ได้ที่นี่ คลิก

 

ตัวอย่างประโยค

I have taught English for 8 years.

ฉันสอนภาษาอังกฤษมา 8 ปีแล้ว

 

They have worked in this company since 2011.

พวกเขาทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2021

 

My working hours are from nine to five.

เวลาทำงานของฉันคือ 9 โมงถึง 5 โมง

 

I will wait for you until 2 o’clock tomorrow.

ฉันจะรอคุณถึงบ่าย 2 พรุ่งนี้

 

3) Adverb of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นที่ไหน เช่น

Where  ที่ซึ่ง

Above  บน

Across  ข้าม

Along  ตามทาง

Around  รอบ ๆ 

Back  หลัง

Below  ข้างใต้

Nowhere  ไม่มีที่ไหน

Somewhere  ที่ใดที่หนึ่ง

There  ที่นั่น

Here  ที่นี่

Downstairs  ชั้นล่าง

In  ใน

On  บน

At  ใน

Under  ข้างใต้

 

ตัวอย่างประโยค

Your coat is hung there.

เสื้อโค้ทของคุณแขวนอยู่ตรงนั้น

 

There is a bin under the desk.

มีถังขยะอยู่ใต้โต๊ะ

 

These young people have nowhere to go.

เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่มีที่ไป

 

Where does he live?

เขาอาศัยอยู่ที่ไหน

 

She lived in Rome for a couple of years, where she taught English.

เธอเคยอาศัยอยู่ที่โรม 2 ปี ที่ซึ่งเธอสอนภาษาอังกฤษ

 

4. Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น

Every day  ทุกวัน

Generally  เป็นประจำ

Always  ตลอด

Frequently, Often  บ่อย ๆ

Usually, Normally  เป็นปกติ

Occasionally, Sometomes  บางครั้ง

Never  ไม่เคย

Rarely, Seldom  ไม่ค่อยจะ

Again  อีกครั้ง

 

ตัวอย่างประโยค

It’s always cold in this room.

ห้องนี้หนาวตลอดเลย

 

I see him quite frequently.

ฉันเจอเขาบ่อย ๆ 

 

We seldom receive any apology when mistakes are made.

เราแทบไม่เคยได้รับคำขอโทษเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น

 

Could you please spell your name again?

รบกวนคุณสะกดชื่ออีกครั้งได้ไหม

 

Wars never solve anything.

สงครามไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้

 

5. Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงว่าผู้กระทำหรือประธานทำกริยานั้นด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์แบบไหน อย่างไร เช่น

Angrily  อย่างโมโห

Badly  อย่างแย่มาก, อย่างมาก

Carefully  อย่างรอบคอบ  

Easily  อย่างง่ายดาย

Calmly  อย่างสงบ

Intentionally  อย่างตั้งใจ

Terribly  อย่างร้ายกาจ

Together  ด้วยกัน

Sincerely  อย่างจริงใจ

Willingly  อย่างเต็มใจ

 

ตัวอย่างประโยค

“Don’t do that!” she shouted angrily.

“อย่าทำอย่างนั้น” เธอตะโกนอย่างโมโห

 

He needs the money really badly.

เขาต้องการเงินอย่างมาก

 

The event was very badly organized.

งานอีเว้นท์นี้จัดได้อย่างแย่มาก

 

What we do willingly is easy.

อะไรที่เราทำอย่างเต็มใจมันก็ง่ายทั้งนั้น

 

6. Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ในระดับไหน เช่น

Almost เกือบจะ

Nearly  เกือบ

Quite  ค่อนข้าง

Entirely  ทั้งหมด

Extremely  อย่างที่สุด

Greatly  อย่างยิ่งใหญ่

Very  มาก

Too  เกินไป

Enough  เพียงพอ

 

ตัวอย่างประโยค

She is almost 20.

เธอเกือบจะ 20 แล้ว

 

It’s been nearly 3 months since my last haircut.

นี่ก็ 3 เดือนแล้วตั้งแต่ตัดผมครั้งล่าสุด

 

It was quite a difficult job.

นี่เป็นงานที่ค่อนข้างยากนะ

 

My mother hasn’t been too well recently.

แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีมากช่วงนี้

 

Is the water hot enough yet?

น้ำร้อนพอรึยัง

 

7. Adverb of Affirmation or Negation (กริยาวิเศษณ์บอกการรับปละการปฏิเสธ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ยืนยันว่าใช่ (Affirmation) หรือ ไม่ใช่ (Negation) เช่น

Yes  ใช่

Absolutely  อย่างแน่นอน

Certainly  อย่างแน่นอน

Surely  อย่างแน่นอน

Indeed  แน่นอน

Of course  แน่นอน

Preciously  อย่างชัดเจน

Absolutely  อย่างแน่นอนที่สุด

Entirely  อย่างสิ้นเชิง

No, Not, Never  ไม่

 

ตัวอย่างประโยค

I absolutely believed him.

ฉันเชื่อเขาแบบสุดใจ

 

I admit it was entirely my fault.

ฉันยอมรับว่ามันเป็นความผิดฉันทั้งหมด

 

I told you not to do that.

ฉันบอกคุณว่าอย่างทำอย่างนั้น

 

It’s never too late to start a healthy diet.

มันไม่เคยสายถ้าจะเริ่มกินอาหารสุขภาพ

 

8. Conjunctive Adverb (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 2 ประโยค หรือ เชื่อมประโยคกับวลีหรือคำ เข้าด้วยกัน เช่น

Hence, Therefore  ดังนั้น

Consequently  ด้วยเหตุนี้

Then  หลังจากนั้น

Firstly  อันดับแรก

Secondly  อันดับสอง

Furthermore, In addition, Moreover  มากไปกว่านั้น

Before  ก่อน

Meanwhile  ในขณะที่

However  อย่างไรก็ตาม

Instead  แทนที่

Inspite of  ทั้ง ๆ ที่

But  แต่

Briefly  อย่างย่อ

In conclusion  สรุป 

For example  เช่น 

For instance เช่น

Namely  กล่าวคือ

 

ตัวอย่างประโยค

We were unable to get funding and therefore had to abandon the project,

เราไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้เพียงพอ ดังนั้น เราจึงต้องล้มเลิกงานนี้

 

There may, however, be other reasons that we don’t know about.

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ อีกที่เราไม่รู้

 

Briefly, the company needs to cut its expenditure.

สรุปย่อ ๆ นะ บริษัทจำเป็นต้องตัดรายจ่าย

 

We need to get more teachers into the classrooms where they’re most needed, namely in high poverty areas.

เราจำเป็นต้องหาครูมาสอนเพิ่มในที่ ๆ มีคนต้องการพวกเขามากที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือพื้นที่กันดาร

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ คลิก

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี


   หรือ    โทรเลย 02-026-6683

บทความที่แนะนำ


วัยทำงาน

การใช้ Preposition แบบง่ายๆ Part1: Preposition of time

วัยทำงาน

การใช้ Preposition แบบง่ายๆ Part II Prepositions of Place

วัยทำงาน

สรุปวิธีการใช้ Past Simple ฉบับรวบรัด