พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี
31337 VIEWS | 10 MINS READ Tuesday 12 / 03 / 2019
ยินดีด้วย! คุณได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการคนใหม่! ว่าแต่...จะดีใจหรือเสียใจดีล่ะ เพราะการเป็นผู้จัดการในยุคนี้เรียกได้ว่าเป็นงานหิน ไหนจะต้องเก่งงาน ไหนจะต้องบริหารคน แถมยังต้องตัดสินใจในเรื่องยาก ๆ อีกต่างหาก วันนี้เราจึงจะมาเล่าให้ฟังว่า “การเป็นผู้จัดการยุคใหม่ ต้องมีทักษะอะไรบ้าง”
1.ทักษะการแก้ปัญหาเชิงรุก
อย่ารอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ การเป็นผู้นำในยุคนี้ต้องรู้จักป้องกันปัญหาก่อนที่ปัญหาจะเกิด (Preventing Problems) จงทำงานแบบ Proactive คือเตรียมตัวเพื่อความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นไว้แต่เนิ่น ๆ เข้าไปแก้สิ่งที่ยังไม่พร้อม หรือดูจะกลายเป็นปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ทำงานแบบ Reactive ซึ่งมักจะนั่งรอสถานการณ์ เช้าชามเย็นชาม หากมีปัญหาก็แก้กันเป็นรอบ ๆ ไปโดยไม่ได้คิดที่จะป้องกันเผื่ออนาคตนั่นเอง
การแก้ปัญหาเชิงรุกนี้ คุณสามารถนำวิธีการคิดแบบ Innovative thinking เข้ามาดูว่าจะสามารถปรับปรุงรูปแบบการทำงานเดิมให้ “สมาร์ท” ขึ้นได้อย่างไร เพื่อให้งานดีขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดเวลาและทรัพยากรบุคคลมากขึ้น และถ้าทำได้จริง ไม่ใช่แค่คุณที่จะทำงานได้ดี แต่คุณยังได้ทีมงานที่มีประสิทธิภาพด้วย
2.ทักษะเรื่องคน
ความเชื่อมั่นของทีมที่มีต่อคุณ ส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการทำงาน หากพวกเขารู้สึกว่าหัวหน้าทีมทำได้แค่สั่งงานและตามงาน โดยไม่ได้สนใจในความเป็นคนของเขาเลย ทีมก็ย่อมขาดความนับถือ ไม่มีใจจะสู้เพื่อคุณ และเลือกที่จะทำงานแค่ผ่าน ๆ ไปเท่านั้น
ฉะนั้น Manager มือใหม่ทั้งหลายควรเรียนรู้ที่จะดูแลลูกทีมในเชิงลึก ทำความรู้จักพวกเขา คอยถามไถ่เกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา เพื่อมองหาแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาเกิดพลังในการทำงาน บางคนอาจให้คุณค่าเกี่ยวกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ คุณก็ควรให้โอกาสเขาได้ไปร่วมฟังสัมมนาที่น่าสนใจ คอยกระตุ้นให้เขาได้เริ่มทำโปรเจ็คใหม่ๆ พนักงานบางคนอาจให้คุณค่ากับครอบครัวมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นการนัดพบลูกค้าหลังเลิกงานอาจเป็นประจำอาจเป็นสิ่งที่คุณควรปรับปรุง นัดให้เร็วขึ้นเพื่อให้พนักงานสามารถกลับไปใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น
นอกจากการทำความเข้าใจเรื่องคนแล้ว ทักษะ socializing หรือการออกสังคมเพื่อนสร้างคอนเนคชั่นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ พยายามมองหาสถานการณ์ที่ win-win ร่วมกันทั้งสองฝ่าย เพื่อให้เกิดการร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน ไม่ใช่เพื่อให้คุณ win อยู่ฝ่ายเดียว
3.ทักษะการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
โลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและอัพเดทตลอดเวลา บางทีคุณอาจไม่สามารถรอเวลาเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ครบก่อนแล้วจึงตัดสินใจ เพราะถ้าตัดสินใจช้าเพียงวันเดียวโอกาสทางธุรกิจก็ลอยหายไปแล้ว ในบางครั้งคุณต้องตัดสินใจโดยใช้ประสบการณ์และทัศนคติที่ดี เลือกสักทางหนึ่งออกมาและนำไปปฏิบัติ และพร้อมมีแผนเสมอสำหรับการรับมือผลที่ตามมาไม่ว่าจะในทางดีหรือทางร้าย
4.ทักษะการให้ฟีดแบคอย่างสร้างสรรค์
หมดยุคเรียกพนักงานไปด่าเสีย ๆ หาย ๆ ใส่อารมณ์อย่างเดียวแล้ว สมัยนี้มีอะไรก็คุยกันอย่างมีเหตุผล เพราะลูกจ้างสมัยใหม่ไม่ได้มีค่านิยมและความภักดีต่อองค์กรแบบสมัยก่อน ถ้าหัวหน้าทำตัวไร้เหตุผลพวกเขาก็พร้อมออกไปหาที่ใหม่ได้ง่ายๆ ฉะนั้นการให้ฟีดแบคจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ผู้จัดการต้องเรียนรู้ ควรติอย่างไรถึงจะเป็นการติเพื่อก่อ ควรชมมากแค่ไหนที่จะทำให้พนักงานคิดว่าเขายังทำได้ดีมากขึ้นไปกว่านี้อีก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของพนักงานแต่ละคนด้วยว่าเขามีแรงจูงใจอย่างไร คุณสามารถเรียนรู้การให้ฟีดแบคอย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยตัวเองจากการอ่านคู่มือการบริหารคนในยุคดิจิตอลต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด
5.ทักษะการเจรจาต่อรอง
Don’t take NO for an answer. และการเจรจาทางธุรกิจไม่ได้มีแค่ 2 ตัวเลือก ตกลง หรือ ไม่ตกลง ในเงื่อนไขที่คุณเสนอไป บางครั้งเราอาจต้องมองถึงสถานการณ์แบบ win-win situation ให้ออก และ offer สิ่งที่คู่ค้าหรือเจ้านายต้องการ บางตัวเลือกอาจดูแพงหรือไม่คุ้มค่า แต่ถ้าคุณมองถึง ROI หรือผลตอบแทนที่คาดหวังได้ ถ้ามันสูงมากพอ บางทีดีลที่เหมือนจะเป็นไปได้ยากก็สามารถให้ผลตอบแทนได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ
6.ทักษะการจัดลำดับความสำคัญและบริหารเวลา
ศึกษาเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของงานให้มากขึ้น โดยทั่วไปงานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ สำคัญและเร่งด่วน สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน และไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน Manager ควรให้ความสำคัญกับงานที่สำคัญและเร่งด่วนมากที่สุดเป็นตัวเลือกแรก และใช้เวลาทำงานสำคัญที่ไม่เร่งด่วนให้ออกมาดีที่สุดเป็นอันดับสอง งานที่ไม่สำคัญแต่เร่งด่วนควรกระจายงานให้คนในทีม ส่วนงานที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วนอาจพิจารณามันใหม่อีกทีว่ามันมีความจำเป็นต้องทำจริงหรือเปล่า มันได้สร้าง Impact หรือผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ ...จงอย่าเสียเวลาทำงานที่ไม่มี Impact ต่อลูกค้า ต่อบริษัท นอกเสียจากว่าคุณอยากเสียเวลา และทรัพยากรที่มีค่าของคุณไปเปล่าๆ
7.ทักษะการนำเสนอ
ทำงานเก่งแค่ไหน นำเสนอตัวเองไม่เป็นก็แป้ก ทักษะการนำเสนอนั้นสำคัญอย่างมากต่อความก้าวหน้าในอาชีพของคุณ การนำเสนอที่ฉลาดประกอบไปด้วยเสน่ห์ในการดึงดูดผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ขัน หรือมารยาทที่เหมาะสม และอีกส่วนคือเนื้อหาในการนำเสนอ คุณต้องฝึกตีโจทย์ให้แตกว่าผู้ฟังต้องการอะไร และควรใช้ภาษาระดับใด วิชาการมากแค่ไหน ถ้าคุณทำให้มันง่ายไว้ก่อนได้เป็นดี “พูดสิ่งที่ผู้ฟังอยากฟัง ไม่ใช่พูดแต่สิ่งที่เราอยากพูด” ยังเป็นกฎทองคำเสมอสำหรับการนำเสนออะไรก็ตาม
8.ทักษะการคิดอย่างมีเหตุมีผล และวิเคราะห์ข้อมูล
สมัยนี้ตัดสินใจอะไร เรามีข้อมูลให้ใช้ประกอบการตัดสินใจได้มากกว่าสมัยก่อน ในอดีตเราอาจต้องนัดสัมภาษณ์ลูกค้า ทำโฟกัสกรุ๊ป แจกแบบทดสอบ แต่ในปัจจุบันการทำ CRM ได้เข้ามาช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเรา ทำให้เราสามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ การใช้ความรู้สึกหรือสัญชาติญาณตัดสิน หรือที่เรียกว่าใช้กัทฟีลลิ่ง ยังมีความสำคัญอยู่ก็จริงแต่ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนตัวเองให้ใช้ข้อมูลเป็นตัวผลักดันในการตัดสินใจ (Data driven) โอกาสที่คุณจะตัดสินใจผิดก็น้อยลงด้วย
9.ทักษะภาษาอังกฤษ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือทักษะทางภาษาอังกฤษ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้และกระบวนการณ์การทำงานต่าง ๆ ในสมัยนี้เรายังต้องศึกษาจากประเทศตะวันตกเป็นส่วนมาก คุณจะพาทีมไปสู่ระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้อย่างไรถ้าคุณเองยังตามไม่ทันกระแสโลก ถ้าคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษ มันก็คือกำแพงที่ขวางกั้นคุณกับโลก แต่ถ้าคุณใช้งานมันได้ดีมันก็เป็นเหมือนปีกที่พาคุณไปสู่โลกกว้างนั่นเอง
การเป็น Manager คุณต้องได้ครบทุกทักษะ ทั้งการฟัง-พูดที่เป็นมืออาชีพ รู้จักมารยาทการสนทนา คุณยังต้องเขียนเป็น เพราะคุณต้องทำรายงาน เอกสารนำเสนอ และโต้ตอบอีเมลที่เป็นทางการอีกด้วย
การไปเรียนภาษาอังกฤษที่สถาบันแพงๆ เพื่อเรียนแกรมม่าร์เหมือนเด็กมัธยม และไม่มีโอกาสได้ฝึกฟังพูดแบบเน้นๆ กลายเป็นอะไรที่ตกยุค! คุณต้องการทักษะการสื่อสาร! คุณต้องการทักษะการเขียนที่เป็นทางการ! คุณต้องการรู้มารยาทการสื่อสาร! และที่สำคัญคือคุณต้องการความมั่นใจในการสนทนากับชาวต่างชาติ ที่ โกลบิช สถาบันฝึกฝนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ จะเป็นคำตอบสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษสำหรับวัยทำงานที่กำลังมีปัญหาในการสื่อสาร และต้องการสนทนาได้ดียิ่งขึ้น
เพราะเราเข้าใจปัญหาของวัยทำงาน หลักสูตรของเราถูกคิดค้นขึ้นเพื่อวัยทำงานที่ต้องการฝึกทักษะการสื่อสารโดยเฉพาะ ให้คุณได้เรียนสนทนาแบบตัวต่อตัวกับคุณครูชาวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยแก้ไขเมื่อพูดผิด สร้างความมั่นใจ เพิ่มพื้นฐานด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ผ่านการใช้งานจริง ไม่ใช่การท่องจำ
ฝึกการโต้ตอบโดยคิดเป็นภาษาอังกฤษทันที ไม่ต้องแปลกลับเป็นภาษาไทย และเป็นการเรียนสด ผ่านวิดิโอคอล ที่คุณเรียนที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน พร้อมเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต