ถ้าหากถามหนุ่มสาววัยทำงานด้วยคำถามอย่าง “คุณเคยสมัครงาน แล้วถูกปฏิเสธกลับมาไหม?” เชื่อว่า 90% ต้องตอบว่าเคยอย่างแน่นอนค่ะ และทุก ๆ ครั้งที่โดนปฏิเสธ สิ่งที่จะทำในทันทีก็คือ การแก้ไข Resume หรือ Cover Letter เผื่อว่าจะไปเตะตาบริษัทใหม่ โดยไม่ได้นึกถึงมุมมองหรือสิ่งที่ได้จากการถูกปฏิเสธเลย และสิ่งเหล่านี้ ทำให้คุณเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เติบโต เพื่อเปลี่ยนความล้มเหลวค่ะ แต่หลาย ๆ ท่านอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามุมมองดี ๆ ที่ว่าเป็นแบบไหน วันนี้ Globish จะมาเล่าให้ฟัง
แน่นอนว่าในโลกนี้ มีโมเดลและระบบในการจัดเทรนนิ่งมากมายที่ถูกนำมาใช้ แต่มีอันหนึ่งที่น่าสนใจ และสำคัญไม่แพ้ใคร คือ ADDIE training model ค่ะ เจ้าโมเดลตัวนี้ได้รับการไว้วางใจจากผู้ออกแบบการเรียนการสอนทั่วโลก ให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบหลักสูตร และกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะกับผู้เรียน เรียกว่าได้มีประโยชน์ต่อวงการการศึกษาเลยทีเดียว แต่นอกจากจุดเด่นในด้านนี้แล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้ภายในองค์กรได้อีกด้วยนะคะ เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าทำอย่างไร วันนี้ Globish จะพาไปรู้จักกับ ADDIE model อย่างลึกซึ้ง และตัวอย่างการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรของคุณค่ะ
การจัดอบรมพนักงาน ก็คือการลงทุนในทรัพยากรบุคคล เพื่อให้พนักงานเกิดไอเดียใหม่ ๆ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในองค์กรค่ะ แต่ปัญหาที่มักจะเจอนั่นก็คือ ฝ่ายบุคคลไม่รู้ว่าจะวัดผลหลังการจัดอบรมอย่างไรดี และพนักงานจะนำความรู้มาใช้ได้จริงมากแค่ไหน ทำให้เสียทั้งเวลา และงบประมาณ
ทุกวันนี้ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี การสื่อสาร หรือแม้กระทั่งโลกของการทำงานก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน แล้วองค์กรของท่าน พร้อมหรือยังคะ ที่จะเปลี่ยนวิธีการพัฒนาสกิลพนักงาน จากคอร์สอบรมหรือ Workshop แบบเดิม ๆ ไปสู่วิธีการเรียนรู้แบบใหม่อย่าง Learning Culture
อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าสถานการณ์ COVID-19 ทำให้หลาย ๆ บริษัทต้องปรับรูปแบบการทำงานจากแบบ on-site หรือการทำงานที่บริษัท มาเป็นแบบการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) โดยการทำงานรูปแบบนี้ อาศัยการสื่อสารกันผ่านระบบดิจิตัล เช่น Zoom หรือ Microsoft Team ที่ช่วยให้การทำงานผ่านระบบออนไลน์สะดวก รวดเร็ว ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่สำคัญ ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วย และเพราะเหตุนี้เอง WFH จึงเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของพนักงานนั่นเองค่ะ